TH EN

นำเข้าสินค้าทางเรือทำยังไง มีขั้นตอนอะไรบ้าง

หัวข้อ

import by sea

การนำเข้าสินค้าทางเรือ เป็นหนึ่งในช่องทางการนำเข้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ทั้งในเรื่องของต้นทุนที่คุ้มค่า หรือจะเป็นการขนส่งสินค้าปริมาณมาก แต่ในการนำเข้าสินค้าทางเรือแต่ละครั้ง ก็จะต้องมีขั้นตอนบางอย่าง เช่น พิธีการนำเข้าทางเรือ การจัดการเอกสาร และการจัดการดำเนินการต่างๆ ที่หากยังมีบางจุดผิดพลาด ก็สามารถทำให้การขนส่งล่าช้า และอาจทำให้ธุรกิจของเราเสียหายอีกด้วย

เพื่อให้ทุกคนเข้าใจการนำเข้าสินค้าทางเรือมากขึ้น เราจะมาดูกันว่า การนำเข้าสินค้าทางเรือ มีขั้นตอนอะไรบ้างที่เราควรรู้ และแต่ละขั้นตอนมีวิธีจัดการ หรือจำเป็นต้องใช้ข้อมูลอะไรกันบ้าง เพื่อการขนส่งให้ธุรกิจของคุณราบรื่นที่สุด

การนำเข้าสินค้าทางเรือ คืออะไร?

การนำเข้าสินค้าทางเรือ (Sea Freight Import) คือวิธีการขนส่งและนำเข้าสินค้าผ่านทางทะเล โดยสินค้าจะถูกส่งมาพร้อมกับเรือบรรทุก ที่เดินทางจากประเทศต้นทางของผู้ส่งออก ไปยังประเทศปลายทางของผู้นำเข้า โดยการจัดส่งสินค้าทางทะเลนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นการบรรจุในตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งสามารถแบ่งได้ 2 ประเภท ได้แก่

Full Container Load หรือ FCL

เป็นการขนส่งแบบเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ที่สินค้าภายในเป็นของเจ้าของสินค้าเจ้าเดียว มีข้อดี คือ สามารถจัดการดำเนินพิธีการต่างๆ ได้รวดเร็ว สามารถนำตู้ออกจากท่าเรือได้เมื่อดำเนินการเสร็จสิ้น สามารถจัดเรียงสินค้าได้ปลอดภัย ง่ายต่อการจัดการโลจิสติกส์ เหมาะสำหรับการขนส่งจำนวนมาก หรือเป็นผู้ประกอบการขนาดใหญ่

Less Than Container Load หรือ LCL

เป็นการขนส่งแบบแชร์พื้นที่ภายใน ข้างในตู้คอนเทนเนอร์จะมีสินค้าจากเจ้าของหลายรายรวมกัน วางร่วมกับพาเลตและฟิล์มยืด โดยการขนส่งแบบ LCL จะมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่า FCL แต่จะดำเนินพิธีการต่างๆ ได้ล่าช้ากว่าแบบ FCL เพราะต้องรอกำหนดเวลาเปิดตู้ รวมถึงความเสี่ยงที่จะเกิดความเสียหายกับสินค้าชิ้นอื่นๆ ในตู้ด้วย

โดยการนำเข้าสินค้าทางเรือ จะมีพิธีการและขั้นตอนต่างๆ เพื่อตรวจสอบว่าสินค้านั้นๆ ถูกนำเข้า และส่งออกอย่างถูกต้อง ตามกฎหมายของแต่ละประเทศหรือไม่

 

ขั้นตอนการนำเข้าสินค้าทางเรือ มีอะไรบ้าง

 

1. นำสินค้าจากต้นทาง ไปยังท่าเรือ 

หลังจากที่เราเจรจากับคู่ค้าต่างประเทศ จนพร้อมที่จะเริ่มการนำเข้าสินค้าทางเรือ ผู้ส่งออก (Exporter) จะทำการเตรียมสินค้าและเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นในการส่งออก และติดต่อตัวแทนขนส่งสินค้า (Freight Forwarder) หรือ ชิปปิ้ง (Shipping) เพื่อประสานงานในการจองระวางเรือ (Freight) จากเมืองท่าในประเทศผู้ส่งออก ไปยังท่าเรือปลายทางของผู้นำเข้า (Importer) หรือก็คือเรานั่นเอง

หลังจากจองระวางเรือแล้ว ผู้ส่งออกจะได้รับใบยืนยันการจองระวางเรือ (Booking Confirmation) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “ใบบุ๊ค” จากทาง Freight Forwarder หรือ Shipping โดยในใบยืนยันการจองระวางเรือ จะมีข้อมูลเกี่ยวกับขนาดสินค้าและการขนส่ง เช่น ขนาดของสินค้าในตู้ ขนาดตู้คอนเทนเนอร์ ท่าเรือต้นทาง/ปลายทาง วันและเวลาที่เรือจะออก และเดินทางถึงที่หมาย เมื่อได้ใบยืนยันแล้ว ผู้ส่งออกก็จะเริ่มส่งสินค้าที่เตรียมไว้ไปยังท่าเรือ เพื่อดำเนินการนำเข้าสินค้าทางเรือขั้นต่อไป

2. ดำเนินพิธีทางกรมศุลกากรขาออก

ในการนำเข้าสินค้าทางเรือนั้น เมื่อสินค้าถึงท่าเรือแล้ว จะลำเลียงขึ้นเรือเลยไม่ได้ ผู้ส่งออกจะต้องดำเนินพิธีทางกรมศุลกากรขาออก ซึ่งเป็นขั้นตอนตรวจสอบ และอนุญาตสินค้าก่อนส่งออกไปต่างประเทศ โดยผู้ส่งออกสามารถดำเนินการด้วยตนเอง หรือผ่านบริษัทตัวแทนออกของ (Customs Broker) ก็ได้เช่นกัน โดยเอกสารที่จะเป็นต้องใช้ในพิธีทางกรมศุลกากรขาออก จะมีหลักๆ ดังนี้

  • ใบขนสินค้าขาออก ทั้งต้นฉบับและสำเนา อย่างละ 1 ฉบับ
  • บัญชีราคาสินค้า (Invoice) 2 ฉบับ
  • บัญชีรายละเอียดบรรจุหีบห่อ (Packing List)
  • ใบอนุญาตส่งออกหรือเอกสารอื่นๆ ตามที่ศุลกากรกำหนด เช่น เอกสารประกันภัย

โดยแต่ละประเทศก็มีพิธีทางกรมศุลกากรขาออกและเอกสารที่ต้องใช้แตกต่างกัน เพื่อความถูกต้อง ควรปรึกษากรมศุลกากรในการขอข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อการนำเข้าสินค้าทางเรืออย่างถูกต้อง

โดยหลังจากยื่นเอกสาร และชำระภาษีศุลกากร (ถ้ามี) แล้ว กรมศุลกากรจะออกใบอนุญาตให้นำสินค้าออกนอกประเทศได้อย่างถูกกฎหมาย และดำเนินการ นำสินค้าขึ้นเรือ และส่งออกไปยังประเทศที่นำเข้า 

3. จัดการค่าใช้จ่าย เมื่อสินค้าถึงท่าเรือแต่ละฝั่ง

เมื่อสินค้าเดินทางมาถึงท่าเรือต้นทาง (Port of Loading) แล้ว สายการเดินเรือ ที่เราใช้บริการก็จะลำเลียงตู้สินค้าขึ้นบนเรือ และออกใบตราส่งสินค้าทางทะเล (Bill of Lading หรือ B/L) ให้ผู้ส่งออก เพื่อยืนยันการได้รับสินค้า และเรียกเก็บค่าบริการต่างๆ ต่อไป

port

หลังจากสินค้าเดินทางมาถึงท่าเรือปลายทาง (Port of Discharge) แล้ว สายการเดินเรือก็จะลำเลียงตู้สินค้าลงจากเรือ ผู้นำเข้าสินค้า จะทำการติดต่อสายการเดินเรือ เพื่อชำระค่าใช้จ่ายปลายทาง และนำใบตราส่งสินค้า ไปเปลี่ยนเป็นใบปล่อยสินค้า (Delivery Order) เพื่อใช้ในการปล่อยสินค้าจากท่าเรือ ในพิธีการนำเข้าทางเรือขั้นต่อไป

4. ดำเนินพิธีการศุลกากรขาเข้า เพื่อนำเข้าสินค้าจากท่าเรือ

หลังจากสินค้าเดินทางมาถึงท่าเรือในประเทศแล้ว ผู้นำเข้าสินค้า ก็ต้องดำเนินการพิธีการศุลกากรขาเข้า เพื่อให้สินค้าของเราเข้ามาในประเทศได้อย่างถูกกฎหมาย โดยในการดำเนินพิธีการศุลกากรขาเข้าในประเทศไทย จะต้องมีการยื่นเอกสารต่างๆ ดังนี้

  • ใบขนสินค้าขาเข้า (กศก. 99/.1) ต้นฉบับพร้อมสำเนา 1 ฉบับ ในบางกรณีอาจต้องใช้สำเนา 2 ฉบับ
  • ใบสั่งปล่อยสินค้า (กศก. 100/.1)
  • บัญชีราคาสินค้า (Invoice)
  • บัญชีรายละเอียดบรรจุหีบห่อ (Packing List)
  • ใบตราส่งสินค้าทางทะเล (Bill of Lading หรือ B/L)
  • ใบแจ้งยอดเบี้ยประกัน (Insurance Premium Invoice)
  • ใบอนุญาต หรือหนังสืออนุญาตสำหรับสินค้าควบคุมการนำเข้า
  • ใบรับรองแหล่งกำเนิดสินค้า (Certificate of Origin) ในกรณีขอลดอัตราอากร
  • เอกสารอื่นๆ เช่น แค็ตตาล็อก, เอกสารแสดงส่วนผสม

เมื่อผ่านดำเนินพิธีการศุลกากรขาเข้าและชำระภาษีอากรขาเข้าเรียบร้อยแล้ว ผู้นำเข้าจึงจะสามารถนำใบปล่อยสินค้า และ ใบเสร็จเสียภาษีอากร ไปปล่อยสินค้าออกจากท่าเรือ และเริ่มการลำเลียงมายังคลังของเรา

5. ขนส่งสินค้าจากท่าเรือ มาที่คลัง

หลังจากที่ดำเนินการปล่อยสินค้าออกจากท่าเรือ ผู้นำเข้าจะต้องเตรียมรถขนส่งสินค้า โฟล์คลิฟท์ เพื่อลำเลียงสินค้าไปยังคลังสินค้าของตน และตรวจสอบสภาพสินค้า จำนวนและความเรียบร้อยต่างๆ ว่าถูกต้องตามที่ได้รับมาหรือไม่ หากทุกอย่างเรียบร้อยดู ผู้นำเข้าจึงจะเซ็นรับสินค้า เป็นอันจบขั้นตอนการนำเข้าสินค้าทางเรือในที่สุด

หากทำการนำเข้าสินค้าทางเรืออย่างถูก ทั้งในเรื่องของขั้นตอนพิธีการ รวมถึงตัวสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ก็สามารถอุ่นใจได้ว่า การนำเข้าของเราจะเป็นไปอย่างราบรื่นไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หรือหากมีข้อสงสัย ก็ควรที่จะปรึกษาบริษัทตัวแทน ชิปปิ้ง หรือจากกรมศุลกากร เพื่อขอรับข้อมูลที่ถูกต้อง

 

บริษัท ยูพีอาร์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดจำหน่ายพาเลทพลาสติกและพาเลทไม้สำหรับเช่า/ซื้อ ชั้นวางพาเลท อุปกรณ์จัดเก็บ ระบบจัดการพาเลท และอุปกรณ์โลจิสติกส์ครบครัน รวมไปถึงบริการโซลูชันด้านโลจิสติกส์ที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการและผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์

พวกเราพร้อมให้บริการที่รวดเร็ว ครอบคลุม และเป็นมืออาชีพด้วยประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ในไทย

ติดต่อเรา

กรอกแบบฟอร์ม: www.upr-thailand.co.th/contact/inquiries/

โทร.: +66-2-672-5100

อีเมล: info-thailand@upr-net.co.jp 

บริษัท ยูพีอาร์ (ประเทศไทย) จำกัด > > โลจิสติกส์ >

contact us ติดต่อเรา โทรหาเรา line Line Official