พาส่อง 5 เทคโนโลยี การขนส่งที่จะเข้ามาช่วยยกระดับธุรกิจและ โลจิสติกส์

ในยุคที่ธุรกิจการค้าและอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างรวดเร็ว นวัตกรรมและเทคโนโลยี การขนส่งได้กลายมาเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยขับเคลื่อนความสำเร็จของธุรกิจ โดยเฉพาะในการดำเนินงานด้าน โลจิสติกส์ และการจัดการคลังสินค้า ซึ่งการนำ เทคโนโลยี ที่ทันสมัยมาใช้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ลดต้นทุน พร้อมยกระดับการให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฉะนั้น มาดูกันว่ามี เทคโนโลยี อะไรบ้างที่กำลังเข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนโฉมวงการชิปปิ้งและ โลจิสติกส์

1. เทคโนโลยี ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence)

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาปัญญาประดิษฐ์หรือ Artificial Intelligence (AI) ได้พัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ซึ่งในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์เอง ก็ได้มีการพัฒนาระบบจัดการพาเลท รวมถึงการขนส่ง ซึ่ง AI สามารถให้การสนับสนุนในหลายด้าน เช่น

• วางแผนเส้นทางการขนส่งอัจฉริยะ
• คาดการณ์ความต้องการของลูกค้า
• จัดการคลังสินค้า บันทึกสถานะของสินค้าในคลัง ไปจนถึงระบบจัดเก็บแบบอัตโนมัติ

ตัวอย่างเช่น การใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูล Big Data เพื่อคาดการณ์ปริมาณความต้องการสินค้า ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการสต็อกได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังช่วยในการบริหารการจัดรถบรรทุกสินค้าและเส้นทางการขนส่งที่เหมาะสมที่สุด (Route Optimization) โดยคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น สภาพการจราจร ระยะทาง และเวลาจัดส่ง จึงถือเป็นหนึ่งในเทคโนโลยีการขนส่งที่น่าจับตามองอย่างมากในอนาคตอันใกล้นี้

2. การเชื่อมโยงเครือข่ายซัพพลายเชน (Supply Chain Network Connection) 

อุปกรณ์ IoT (Internet of Things) ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของหลายคน ในภาคธุรกิจการขนส่ง เทคโนโลยี IoT และคลาวด์ (Cloud) ที่เชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ เข้าด้วยกันผ่านอินเทอร์เน็ต ช่วยให้การชิปปิ้งและการจัดการสินค้าในคลังเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ Supply Chain Visibility อาทิ

• ติดตามสถานะของสินค้าได้แบบเรียลไทม์ ไม่ว่าจะอยู่บนชั้นวางพาเลทหรือระหว่างการขนส่ง 
• เชื่อมต่อข้อมูลระหว่างคลังสินค้า รถขนส่ง และจุดหมายปลายทาง 
• ผู้รับสามารถติดตามพัสดุผ่านระบบ Cloud 
• ช่วยให้ธุรกิจสามารถวิเคราะห์ประสิทธิภาพการทำงานทั้งระบบ

ข้อมูลแบบเรียลไทม์ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถติดตามสถานะสินค้า จำนวนสินค้าคงคลัง และการเคลื่อนไหวของสินค้าได้อย่างแม่นยำ หากเกิดปัญหาในจุดใดของกระบวนการโลจิสติกส์ ก็สามารถเข้าแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว ช่วยให้ทราบถึงข้อมูลเชิงลึก และนำไปพัฒนาต่อยอดธุรกิจ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดมากขึ้น

3. นวัตกรรม Transportation Management System Innovation (TMS)

Transportation Management System Innovation (TMS) หรือระบบบริหารจัดการงานขนส่ง เป็นการรวมนวัตกรรมการขนส่งโลจิสติกส์หลายอย่างเข้าด้วยกัน ทั้ง อุปกรณ์ IoT ระบบ AI และระบบ Fleet Management System เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนเส้นทางที่มีประสิทธิภาพ การจัดการต้นทุนการขนส่ง การติดตามและควบคุมการขนส่ง การประเมินเวลาถึงปลายทาง (ETA)

ปัจจุบัน TMS สามารถใช้ AI เพื่อเรียนรู้และปรับตัวจากข้อมูลการทำงานจริง เช่น ความสามารถในการบรรทุก กฎระเบียบจราจร และชั่วโมงการขับรถ ทำให้การประเมินเวลาและการวางแผนแม่นยำมากขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบอื่น ๆ เช่น WMS (Warehouse Management System) หรือระบบจัดการพาเลท เพื่อการทำงานที่ครบวงจร 

4. เทคโนโลยี Blockchain

เทคโนโลยีบล็อกเชน คือ การจัดเก็บข้อมูล (Data Structure) แบบกระจายศูนย์ผ่านการเข้ารหัสในรูปแบบต่าง ๆ จึงทำให้สามารถแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงได้ยาก การนำเทคโนโลยีนี้มาใช้งานในการขนส่งจึงช่วยเพิ่มความโปร่งใสและความปลอดภัยในการจัดการข้อมูล ทำให้สามารถติดตามสินค้าได้ตลอดเส้นทาง ลดความเสี่ยงในการสูญหายหรือการปลอมแปลงข้อมูล และเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับระบบโลจิสติกส์ เช่น การใช้บล็อกเชนในการติดตามสินค้าตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ทำให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาและความถูกต้องของสินค้าได้ และยังช่วยป้องกันการปลอมแปลงเอกสารการขนส่ง

5. เทคโนโลยี หุ่นยนต์ (Robotics)

การนำหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ (Automation) มาใช้ในงานคลังสินค้าและการขนส่งสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานอย่างมาก เช่น 

• การใช้หุ่นยนต์เพื่อจัดเรียงสินค้า เพิ่มความแม่นยำและระเบียบในการจัดเก็บ
• ระบบสายพานเพื่อเคลื่อนย้ายสินค้าภายในคลัง ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุจากการขนย้ายสินค้าด้วยบุคคล หรือโฟล์คลิฟท์

นอกจากนี้ ในอนาคตอาจมีการนำโดรน (Drone) เข้ามาใช้สำหรับการขนส่งระยะสั้นหรือพื้นที่ใกล้เคียง ไปจนถึงการใช้ยานพาหนะไร้คนขับ Driverless Vehicles มายกระดับการขนส่งระยะไกล เพื่อลดต้นทุนด้านทรัพยากรบุคคล และลดการเกิด Human Error พร้อมเพิ่มความปลอดภัยตลอดกระบวนการ

การนำเทคโนโลยีการขนส่งมาใช้ในธุรกิจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านโลจิสติกส์ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยการผสมผสานเทคโนโลยีต่างๆ เข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น AI, Blockchain, IoT, หุ่นยนต์ และระบบการจัดการที่ทันสมัย จะช่วยให้การดำเนินธุรกิจที่มีประสิทธิภาพและยั่งยืน ผู้ประกอบการที่สามารถปรับตัวและนำเทคโนโลยีเหล่านี้มาประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม จะมีความได้เปรียบในการแข่งขันและสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัลได้ดียิ่งขึ้น และแน่นอนว่าอนาคตของวงการชิปปิ้งจะยิ่งพัฒนาก้าวหน้าไปพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะเข้ามามีบทบาทในการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นต่อไป

ทั้งนี้ UPR Thailand ก็ได้พัฒนาระบบจัดการพาเลทอย่าง PACS PLUS (แพคพลัส) ที่สามารถเข้ามายกระดับการจัดการคลังสินค้าให้เป็นเรื่องง่ายขึ้น โดย แอปพลิเคชัน PACS PLUS สามารถเปลี่ยนสมาร์ตโฟนเป็นเครื่องสแกน ที่สามารถสแกน Chameleon Codes ได้มากถึง 100 รหัสในครั้งเดียว พร้อมสามารถใช้งานร่วมกับเว็บไซต์ PACS PLUS ตอบโจทย์การใช้งานสำหรับทีมหน้างานและทีมแอดมิน

• • สแกนและบันทึกอย่างรวดเร็ว – ทีมงานสามารถใช้แอปพลิเคชัน PACS PLUS สแกน Chameleon Code บนตัวอุปกรณ์ เพื่อบันทึกรายการเข้า-ออกของสินค้าได้ทันทีขณะมีการส่งออกหรือนำเข้า
  • ประหยัดเวลาการจัดการสินค้า – สามารถใช้ฟังก์ชันการสแกนเพื่อนับสต็อก ค้นหาพาเลท และช่วยในการจัดหมวดหมู่พาเลทให้เป็นระเบียบมากยิ่งขึ้น

• การคาดการณ์สต็อกสินค้า – ระบบสามารถคาดการณ์สต็อกสินค้าในอีก 3, 7 และ 30 วันข้างหน้าตามข้อมูลที่ได้รับ ช่วยในการจัดการสินค้าราบรื่นมากยิ่งขึ้น

• ตรวจสอบประวัติง่ายดาย – ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบประวัติสินค้าผ่านระบบ PACS PLUS โดยจะมีข้อมูลบันทึกว่า พาเลทแต่ละชิ้นเคยไปอยู่ที่คลังสินค้าไหนบ้าง จำนวนกี่วัน รวมถึงสถานะปัจจุบันของพาเลท

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.upr-thailand.co.th/products/logistics/solution/pacsplus/ 

บริษัท ยูพีอาร์ (ประเทศไทย) จำกัด จัดจำหน่ายพาเลทพลาสติกและพาเลทไม้สำหรับเช่า/ซื้อ ชั้นวางพาเลท อุปกรณ์จัดเก็บ และอุปกรณ์โลจิสติกส์ครบครัน รวมไปถึงบริการโซลูชันด้านโลจิสติกส์ที่ใช้เทคโนโลยีทันสมัย เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการและผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์

พวกเราพร้อมให้บริการที่รวดเร็ว ครอบคลุม และเป็นมืออาชีพด้วยประสบการณ์มากกว่า 10 ปี ในไทย

ติดต่อเรา

กรอกแบบฟอร์ม: www.upr-thailand.co.th/contact/inquiries/

โทร.: +66-2-672-5100

อีเมล: info-thailand@upr-net.co.jp